rss
email
twitter
facebook

Wednesday, July 21, 2010

เลี้ยงกบหลังบ้านแบบเศรษฐกิจพอเพียง

คนเกษตร-สื่อเกษตร เลี้ยงกบหลังบ้านแบบเศรษฐกิจพอเพียงจากการที่ได้มีโอกาสไปทำข่าวตามที่ต่างๆ ได้พบเกษตรกรที่ประสบผลสำเร็จมากมาย ทั้งที่เลี้ยงเป็นฟาร์มขนาดใหญ่และขนาดเล็กแบบหลังบ้าน และนำมาผสมผสานกับความรู้ที่มีอยู่ ประกอบกับได้แนวคิดจาก ท่านเจตน์ ธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ที่ท่านให้ข้อคิดแก่เกษตรกรในโอกาสต่างๆ ให้เกษตรกรนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต โดยเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชไว้บริโภคในครัวเรือนเพื่อลดรายจ่ายและที่เหลือก็ขายเป็นรายได้ ซึ่งได้ทำเป็นแปลงตัวอย่างอยู่ในจวนผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นจึงได้ตัดสินใจเลี้ยงกบ 400 ตัว ในพื้นที่ 4x5 เมตร ที่บริเวณหลังบ้านพักภายในสำนักงานเกษตรจังหวัดขอนแก่น

เริ่มจากเตรียมพื้นที่และคอกเลี้ยง เนื่องจากบริเวณหลังบ้านพักมีหนูค่อนข้างมาก ดังนั้น การทำคอกจะต้องเป็นคอกที่ป้องกันหนูได้ จึงได้คิดหาวิธีโดยใช้สังกะสีแผ่นเรียบขนาดกว้าง 3 ฟุต ยาว 8 ฟุต จำนวน 4 แผ่น (แผ่นละ 190 บาท) โดยแต่ละแผ่นตัดแบ่งครึ่งตามความยาวจะได้ขนาดกว้าง 1.5 ฟุต ยาว 8 ฟุต ด้านหนึ่งฝังดินในแนวนอน ล้อมในพื้นที่ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 5 เมตร โดยใช้ตะปูตอกยึดกับหลักไม้ไผ่ที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น แล้วนำมุ้งเขียวขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ยาว 27 เมตร (ราคาม้วนละ 160 บาท) มาล้อมในระดับความสูงถัดจากสังกะสีแผ่นเรียบอีกชั้นหนึ่ง

จากนั้นขุดสระขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร ลึกประมาณ 30 เซนติเมตร ปูด้วยผ้าพลาสติค ปล่อยน้ำเข้า จัดหาพืชน้ำมาใส่ เช่น ผักตบชวา ตาลปัตรฤาษี และปลูกผักบุ้งบริเวณรอบสระ นอกจากนี้ ยังจะต้องจัดทำที่สำหรับให้กบได้หลบซ่อน เช่น เศษกระเบื้องมุงหลังคา อิฐบล็อค ฯลฯเมื่อเตรียมสถานที่เลี้ยงพร้อมแล้ว ก็จัดหาลูกกบมาปล่อย โดยซื้อลูกกบอายุ 1 เดือนเศษ มาปล่อยจำนวนประมาณ 400 ตัว (ตัวละ 1-2 บาท)

การให้อาหาร จะให้วันละ 2 เวลา คือเช้าและเย็น อาหารที่ให้เป็นอาหารเม็ดลอยน้ำ ชนิดเดียวกับที่เลี้ยงปลาดุก ซึ่งมีอยู่ 3 เบอร์ คือ อายุ 1 เดือน ใช้อาหารเบอร์ 1 อายุ 2 เดือน ใช้อาหารเบอร์ 2 และเมื่ออายุ 3 เดือนขึ้นไป ใช้อาหารเบอร์ 3 ราคากิโลกรัมละ 18-20 บาท ในการให้อาหารจะใช้ที่รองก้นกระถางเป็นถาดให้อาหาร โดยวางไว้รอบๆ บ่อ 4-5 จุด เพื่อให้กบได้กินอาหารอย่างเต็มที่ ไม่แย่งกันจนเกินไป

ข้อแนะนำสำหรับสถานที่เลี้ยงควรเป็นที่ร่มรำไร อาจอยู่ใต้ร่มไม้ แต่ไม่ควรอยู่ใต้ร่มมะม่วง เพราะจะมีปัญหาทั้งในช่วงออกดอก เมื่อดอกร่วงหล่นและเมื่อติดผลอ่อนผลก็ร่วง จะทำให้น้ำเสียเร็ว ยิ่งระยะผลโตเมื่อลม/พายุพัดจะทำให้ผลมะม่วงตกลงมาถูกกบตายได้ ซึ่งกรณีนี้อาจจะต้องคลุมด้วยตาข่ายพรางแสง

การเปลี่ยนถ่ายน้ำ ในการเลี้ยงระยะแรกเปลี่ยนถ่าย 1-2 สัปดาห์ ต่อครั้ง และเมื่อกบโตก็เปลี่ยนถ่ายบ่อยขึ้นตามลำดับ เพราะกบจะถ่ายมูลมากขึ้นทำให้น้ำเสียเร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังทำปุ๋ยน้ำหมักจากพืชผักและผลไม้สุก นำมาผสมน้ำรดบริเวณคอกและในบ่อเลี้ยงกบเป็นระยะๆ ก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นเหม็นได้

"จากการเลี้ยงกบไปสักระยะจะสังเกตพบว่า กบจะเจริญเติบโตไม่เท่ากัน โดยจะมีกบที่โตเร็วกว่าเพื่อนประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ และมีกบที่โตช้ากว่าเพื่อนราว 10 เปอร์เซ็นต์ เช่นกัน และกบกลุ่มที่โตที่สุดก็จะกินกบกลุ่มที่เล็กที่สุด หากท่านเลี้ยงในคอกเดียวกันกบของท่านก็จะหายไปวันละ 10-20 ตัว เมื่อนานเข้าก็จะเหลืออยู่ไม่กี่ตัว ดังนั้น ท่านจะต้องสร้างคอกสำรองเพิ่มอีกหนึ่งคอก สำหรับแยกเอากบกลุ่มที่เล็กที่สุดมาเลี้ยง เมื่อเลี้ยงต่อไปสักระยะก็จะมีบางตัวที่โตกว่าเพื่อน จะต้องจับไปปล่อยในคอกใหญ่ ขณะเดียวกันที่คอกใหญ่ก็จะมีบางตัวที่โตไม่ทันเพื่อน จะต้องนำมาปล่อยในคอกเล็กหรือคอกสำรอง โดยจับกบย้ายคอกสัปดาห์ละครั้งก็พอ"สำหรับด้านการตลาด ขณะนี้มีผู้สนใจติดต่อซื้อบ้างแล้ว และเท่าที่ได้สอบถามผู้ที่อยู่ในวงการซื้อขายกบก็ทราบว่าปีนี้ราคาดีกว่าหลายๆ ปีที่ผ่านมา

ท่านที่เคารพครับ!!! นี่เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของประสบการณ์ในการเลี้ยงกบแบบหลังบ้านที่นำมาถ่ายทอดสู่ท่านผู้อ่าน โดยใช้เวลาว่างให้อาหารเช้าและเย็น ซึ่งเราจะเพลิดเพลินกับการดูกบตัวโตๆ กินอาหาร เป็นการผ่อนคลายอีกอย่างหนึ่ง นอกจากนี้ ยังได้ปลูกผักปลอดสารพิษไว้บริโภคในครัวเรือนเพื่อลดรายจ่ายด้วย และนับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับเกษตรกรและผู้ที่มีงานประจำก็สามารถทำได้เช่นกัน

ที่มา เทคโนโลยีชาวบ้าน

1 comments:

Unknown said...

ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ ไม่มีเทิร์น ไม่มีอั้น📍
ลิ้งค์สมัคร👉📲 https://app.123faz.cc/aff/x4s33im1it
📌เว็บใหญ่ ไม่มีล็อคยูสล้าน% สนุกทุกเกมส์ กระเป๋าเดียวไม่ต้องโยกเงิน

Post a Comment